การงดเลิก (Avoid)

เป็นการงดหรือเลิกการบริโภคที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคโดยตรง การบริโภคที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น และต่อระบบนิเวศ โดยจะต้องงด-เลิก  ดังนี้

  1. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้งเลย เช่น
  • ใบมีดโกนหนวดชนิดที่ใช้แล้วทิ้งเลย
  • ตะเกียบไม้ ช้อนพลาสติก
  • โฟมสำหรับบรรจุอาหาร
  • ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร
  1. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เช่น
  • สารกำจัดแมลงทุกชนิด
  • ยาฆ่าหญ้า สารเคมีผสมในผลิตภัณฑ์
  • สีผสมอาหาร สารกันบูด
  • เครื่องสำอาง
  • น้ำยาทำความสะอาด
  1. ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ เช่น
  • สเปรย์ทุกชนิดที่ใช้ CFC ช่วยเพิ่มแรงอัด
  • น้ำยาดับเพลิง
  • น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์
  • ปุ๋ยเคมี
  • ยาฆ่าแมลงและปราบศัตรูพืช
  1. ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ป่า หรือชิ้นส่วนของสัตว์ทุกชนิด เช่น
  • กำไร ต่างหู หมวก กระเป๋า ที่ทำจากชิ้นส่วนของสัตว์ป่าทุกชนิด
  • เครื่องประดับบ้าน ปะการัง
  • เครื่องราง
  1. กิจกรรมที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตมนุษย์และสภาพแวดล้อม เช่น การถ่ายเทของเสียลงสู่ที่รองรับตามธรรมชาติได้แก่ แหล่งน้ำ อากาศ ดิน ซึ่งจะสามารถบำบัดและกำจัดได้ยาก

การลดปริมาณการใช้ (Reduce)

            หากไม่สามารถเลิกการใช้หรือการบริโภคของบางอย่างได้เสียทีเดียว ก็พยายามลดใช้ให้น้อยลง ลดการบริโภคที่จะให้เกิดการร่อยหรอของทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป รวมทั้งทรัพยากร ที่ทดแทนใหม่ได้บางชนิดก็ต้องลดการใช้ เนื่องจากทำให้เกิดการเสียสมดุลของระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องหาทางลดปริมาณการบริโภค และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรเหล่านี้

  1. ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เช่น พลังงาน จากปิโตเลียมและถ่านหิน แร่ธาตุโลหะทุกชนิด
  2. ทรัพยากรที่ทดแทนใหม่ได้ซึ่งปัจจุบันมีการนำออกมาใช้อย่างรวดเร็ว และมากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะทดแทนใหม่ได้ทัน จึงควรลดการใช้ลง เช่น ไม้ พืชพันธุ์ สัตว์ ชิ้นส่วนของสัตว์ทุกชนิด
  3. ผลิตภัณฑ์ที่เมื่อนำมาใช้ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศยากต่อการทำลาย มีการใช้ อย่างแพร่หลาย และไม่อาจงดหรือเลิกได้โดยทันที แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสมได้ เช่น การใช้ภาชนะบรรจุหีบห่อ ที่เป็นพลาสติกทุกชนิด ได้แก่ ขวดชมพู ซองพลาสติก กล่อง ตลับพลาสติก ขวดน้ำดื่ม ซึ่งมีอายุการใช้งานสั้น แต่จะตกค้างในสภาวะแวดล้อม เป็นเวลานาน
  4. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตที่ต้องใช้พลังงานมาก และอาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง แต่มีการทิ้งและใช้อย่างไม่คุ้มค่า การถ่ายเทสู่สภาพแวดล้อมจะไม่ย่อยสลายได้โดยง่าย และในขบวนการผลิตยังทำให้เกิดการร่อยหรอของทรัพยากรป่าไม้ในระบบนิเวศอย่างรวดเร็ว เช่น กระดาษทุกชนิด ซึ่งจะต้องลดปริมาณการใช้ และเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ ทุกขั้นตอน

การใช้ซ้ำ ใช้แล้วใช้อีก (Reuse)

            เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการบริโภคอย่างเหมาะสม เพื่อลด การร่อยหรอของทรัพยากรที่มีอยู่ และลดการปล่อยมลพิษลงสู่สภาพแวดล้อม โดยวิธีการนำทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลับมาใช้ใหม่ลักษณะเดิม ไม่มีการแปรเปลี่ยนรูปทรง เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงานที่ต้องใช้ในกระบวนการผลิต การจัดจำหน่าย ทุกขั้นตอนก่อนถึงมือผู้บริโภค เพื่อไม่ให้กลายเป็นขยะเร็วเกินไป ผลิตภัณฑ์ที่ควรใช้ซ้ำได้แก่

  • เสื้อผ้าทุกชนิด อาจเพิ่มประโยชน์การใช้สอยได้มากขึ้น โดยการลดการทิ้งด้วยการจำหน่าย เป็นของใช้แล้ว หรือบริจาคให้ผู้ขาดแคลน หรือนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะอื่นๆ
  • ภาชนะบรรจุที่ทำด้วยแก้วบางชนิด ซึ่งขั้นตอนการผลิตต้องใช้ทรัพยากรทั้งที่เป็นวัตถุดิบ จำนวนมากและใช้พลังงานปริมาณมาก โดยสนับสนุนให้มีการนำขวดหรือภาชนะเหล่านี้ กลับมาใช้อีก รวมทั้งภาชนะหีบห่ออื่นๆ เช่น ลังพลาสติก ลังพลาสติก เฟอร์นิเจอร์ทุกชนิด หนังสือ และอื่นๆ

การใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดเติม (Refill)

            เป็นนิยมในวงกว้าง เพราะนอกจากจะราคาถูกแล้ว ยังเป็นการลดบรรจุภัณฑ์หีบห่อในส่วนที่เป็นขยะภายในบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการลดต้นทุนในการใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการผลิต สินค้าที่นิยมผลิตเป็นชนิดเติมส่วนใหญ่ เป็นสินค้าที่ใช้ในบ้าน ได้แก่ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก สบู่เหลว รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูปหลายชนิด

Recycle หรือหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่

            ผลิตภัณฑ์บางชนิดแม้จะมีความคงทน แต่กลับมีอายุการใช้งานสั้น มีปริมาณการใช้มาก ทำให้หมดเปลืองทรัพยากรและพลังงานอย่างรวดเร็ว จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้อย่างระมัดระวัง และให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อลดปริมาณของเสียที่จะถ่ายเทลงสู่สภาพแวดล้อม และเมื่อเลิกใช้แล้ว ควรจะมีการจัดการเพื่อนำเอาทรัพยากรที่ครั้งหนึ่งถูกแปรเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าว หมุนเวียนกลับมา ใช้ใหม่ จึงต้องผ่านกระบวนการหลอมละลาย บด อัด ฯลฯ